ฉันเชื่อ!
(บทที่สอง)
ตัวอย่างของขวัญที่พระเจ้าทรงประทานแก่ทุกคนที่เชื่อ
น้องคิดอย่างไรเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์?
ถ้าน้องได้เชื่อว่า พระเยซูได้รับการลงโทษสำหรับบาปทุกประการของน้อง และเชื่อว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์แล้วเป็นขึ้นจากความตายในวันที่สาม พระเจ้าก็ได้ทรงประทานชีวิตนิรันดร์แก่น้องแล้ว พระองค์ยังสัญญาว่าพระองค์จะไม่มีวันที่จะเอาชีวิตนิรันดร์คืน
จริงๆ แล้ว พระคัมภีร์ไบเบิลได้สอนเราว่ามีมากกว่า 40 สิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่เรา หรือทำให้เรา ณ เวลาที่เราได้เชื่อในพระเยซูคริสต์ว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ในหน้าเว็บนี้ ก็จะให้ดูตัวอย่าง 12 ของขวัญจากพระเจ้าที่น่าอัศจรรย์
“[พระเจ้า] … ทรงโปรดประทานพระพรฝ่ายวิญญาณแก่เรานานาประการในสวรรคสถานโดยพระคริสต์” (เอเฟซัส 1:3)
“ขอให้ [ท่าน] จะได้รู้ว่า... ...มรดกของพระองค์สำหรับวิสุทธิชน [ผู้เชื่อในพระคริสต์] มีสง่าราศีอันอุดมบริบูรณ์เพียงไร” (เอเฟซัส 1:18)
1. ตอนที่น้องเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าทรงประทาน
ความชอบธรรมอันสมบูรณ์แบบ ของพระองค์แก่น้อง
“ส่วนคนที่มิได้อาศัยการกระทำ [เช่น การทำดีทำบุญ หรือพิธีกรรมอื่นๆ ของศาสนาใดๆ] แต่ได้เชื่อในพระองค์ [พระเยซูคริสต์] ความเชื่อของคนนั้นถูกนับว่าเป็นความชอบธรรมแก่เขา” (โรม 4:5)
2. น้องกลายเป็นคนที่สมบูรณ์แบบในสายตาของพระเจ้า เพราะการที่น้องได้รับความชอบธรรมอันสมบูรณ์แบบของพระเจ้าน้องจึงกลายเป็นคนที่ไม่มีผิดในสายตาของพระองค์ ตลอดไปเป็นนิตย์!
“เหตุฉะนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้ว
เราจึงกลับคืนดีกับพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์องค์
พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (โรม 5:1)
3. น้องได้รับชีวิตนิรันดร์ เพราะน้องได้เชื่อในพระเยซูคริสต์
พระเจ้าทรงประทานชีวิตนิรันดร์แก่น้อง ตั้งแต่เวลาที่น้องได้เชื่อในพระเยซูคริสต์ ในพระธรรม ยอห์น 3:16 พระเจ้าทรงเขียนไว้ว่า
“เพราะพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานบุตรผู้ทรงบังเกิดอย่างเอกลักษณ์เฉพาะของพระองค์ เพื่อว่าผู้ใดที่เชื่อในพระบุตร์นั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”
“เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของผู้ที่ทรงใช้เรามานั้น
ที่จะให้ทุกคนที่เห็นพระบุตร และเชื่อในพระบุตรได้มีชีวิตนิรันดร์” (ยอห์น 6:40)
“และพยานหลักฐานนั้นก็คือว่า พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานชีวิตนิรันดร์แก่เราทั้งหลาย และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์”
(1 ยอห์น 5:11)
4. เมื่อน้องเชื่อในพระเยซูคริสต์ว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของน้อง น้องได้กลายเป็นรัชทายาทในพระราชวงศ์ของพระเจ้า (เป็นลูกของกษัตริย์องค์สูงสุดในจักรวาล!)
“เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า
โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์” (กาลาเทีย 3:26)
“เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ใช่ทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร
[ของพระเจ้า] และถ้าเป็นบุตรแล้วท่านก็เป็นทายาท
ของพระเจ้าโดยทางพระคริสต์” (กาลาเทีย 4:7)
5. พระเยซูได้รับการลงโทษสำหรับบาปทุกเรื่องของน้อง ดังนั้น พระเจ้าจะไม่มีวันที่จะพิพากษาน้องสำหรับบาปที่น้องได้ทำ (แต่ว่า พระองค์ยังจะต้องตีสอนน้องเมื่อน้องได้ทำบาป ก็เหมือนกับพ่อที่จะตีลูกรักที่ดื้อรั้น – ซึ่งเขียนไว้ในพระธรรม ฮีบรู 12:6-7)
“ผู้ที่เชื่อในพระบุตรก็ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษ
แต่ผู้ที่มิได้เชื่อก็ต้องถูกพิพากษาลงโทษอยู่แล้ว”
(ยอห์น 3:18)
“เหตุฉะนั้นบัดนี้การปรับโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลาย
ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ” (โรม 8:1)
6. น้องได้รับการบัพติศมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นหมายความว่า น้องได้เข้าส่วนในพระเยซูคริสต์ (กาลาเทีย 3:27, เอเฟซัส 4:5)
7. พระวิญญาณบริสุทธิ์กระทำให้ร่างกายของน้องกลายเป็นพระวิหารของพระเจ้า ในพระธรรม 1 โครินธ์ 3:16 มีเขียนไว้ว่า “ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน?”
8. พระเยซูทรงสถิตอยู่ในร่างกายของน้อง ตราบใดที่น้องยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ พระเยซูคริสต์จะอยู่กับน้องตลอดเวลา แม้กระทั่งข้างในตัวน้องด้วย!
“มี... พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อเดียว
บัพติศมาเดียว” (เอเฟซัส 4:5)
“เราทั้งหลายได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายอันเดียวกัน” (1 โครินธ์ 12:13)
“ท่านเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า `เราจะอยู่ในเขาทั้งหลาย... ...และเขาจะเป็นประชาชนของเรา” (2 โครินธ์ 6:16)
9. พระเจ้าพระบิดาทรงสถิตอยู่ในน้องเช่นกัน! ความจริงนี้หมายความว่าทุกบุคคลแห่งตรีเอกานุภาพ (ได้แก่ พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร และพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์) ได้ทรงสถิตอยู่ข้างในร่างกายของน้อง
“(มี) … พระเจ้าองค์เดียวผู้เป็นพระบิดาของทั้งปวง [ผู้เชื่อทุกคน] ผู้ทรงอยู่เหนือทั้งปวง [ผู้เชื่อทุกคน] และทั่วทั้งปวง [ผู้เชื่อทุกคน] และในทั้งปวง[ผู้เชื่อทุกคน]” ( เอเฟซัส 4:6)
10. น้องได้รับวิญญาณของมนุษย์ เมื่อน้องได้เกิดมาในโลกนี้ น้องมีทั้งร่างกายและจิตใจ แต่เมื่อน้องเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงประทานวิญญาณมนุษย์ให้แก่น้อง ซึ่งได้รับเฉพาะผู้เชื่อ นั่นแหละ คือการ “บังเกิดใหม่”
“พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้รอด มิใช่ด้วยการกระทำที่ชอบธรรมของเราเอง แต่พระองค์ทรงพระกรุณาชำระให้เรามีใจบังเกิดใหม่ และทรงสร้างเราขึ้นมาใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ” (ทิตัส 3:5)
“ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็คือจิตวิญญาณ” (ยอห์น 3:6)
11. น้องเป็นปุโรหิตในพระราชวงศ์ของพระเจ้า ใช่ครับ! เป็นปุโรหิตจริงๆ! นั่นหมายความว่าน้องสามารถพูดกับพระเจ้าโดยตรง (คริสเตียนไทยเรียกว่า “อธิษฐานกับพระเจ้า”) ตัวอย่างเช่น ทุกครั้งที่น้องกระทำบาป น้องสามารถกล่าวถึงบาปที่ได้ทำนั้นต่อพระบิดา แล้วพระองค์สัญญาว่าจะยกโทษบาปนั้นให้น้องทันที
“ถ้าเรากล่าวถึงบาปของเรา [ต่อพระบิดา] พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาป แล้วจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” (1 ยอห์น 1:9)
“...และพระองค์ [พระเยซูคริสต์] ทรงตั้งให้เราเป็นราชอาณาจักร เป็นปุโรหิตต่อพระเจ้า พระบิดาของพระองค์” (วิวรณ์ 1:6)
“…ท่านทั้งหลายเป็น... พวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระองค์โดยเฉพาะ ... ”
(1 เปโตร 2:9)
12. ชื่อของน้องได้ถูกบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งชีวิต นี่ก็คืออีกสิ่งหนึ่งที่รับรองว่าน้องจะไม่ถูกพิพากษาลงโทษถึงบึงไฟนรก แต่จะได้อยู่บนสวรรค์ตลอดไป
“…จงเปรมปรีดิ์เพราะชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์”
(ลูกา 10:20)
“…และผู้ใดที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิต
ผู้นั้นก็ถูกทิ้งลงไปในบึงไฟ” (วิวรณ์ 20:15)